การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2024-25 กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่น่าตื่นเต้น แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มชัดเจนมากขึ้น แต่เส้นทางสู่แชมป์ยังไม่ได้ถูกตัดสินอย่างเบ็ดเสร็จ ล่าสุด “ออปตา” (OPTA) องค์กรชั้นนำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติกีฬาระดับโลก ได้ปล่อยผลการคำนวณความน่าจะเป็นของทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ออกมาอีกครั้ง โดยใช้เทคโนโลยีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่สุด
ภายหลังจากการแข่งขันผ่านไปแล้ว 29 นัด สถานการณ์บนตารางคะแนนเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังคงครองตำแหน่งจ่าฝูงอย่างแข็งแกร่งด้วย 70 คะแนน สร้างช่องว่างที่ห่างจากอันดับ 2 อย่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่มี 54 คะแนน อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาด้วยว่าอาร์เซนอลยังเหลือเกมในมือมากกว่าถึง 2 นัด ซึ่งหากชนะทั้งสองนัดนี้ ช่องว่างของคะแนนจะลดลงเหลือเพียง 10 คะแนนเท่านั้น
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออปตาได้ทำการจำลองการแข่งขันที่เหลืออยู่ทั้งหมดของฤดูกาลนี้ด้วยวิธีที่เรียกว่า “มอนติ คาร์โล ซิมูเลชัน” (Monte Carlo Simulation) โดยจำลองสถานการณ์การแข่งขันซ้ำๆ หลายพันครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด ใช้ข้อมูลจากผลการแข่งขันที่ผ่านมา สถิติรายบุคคลของนักเตะ ฟอร์มการเล่นล่าสุด รวมถึงปัจจัยเรื่องการเล่นในบ้านและนอกบ้าน
ผลการวิเคราะห์ล่าสุดได้ตัดทีมลุ้นแชมป์เหลือเพียง 2 ทีมเท่านั้น โดยมีเปอร์เซ็นต์ความน่าจะเป็นดังนี้:
- ลิเวอร์พูล มีโอกาสคว้าแชมป์สูงถึง 99.21 เปอร์เซ็นต์
- อาร์เซนอล มีโอกาสคว้าแชมป์เพียง 0.79 เปอร์เซ็นต์
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความได้เปรียบอย่างมากของลิเวอร์พูล ที่มีคะแนนนำห่างและยังทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอตลอดฤดูกาล ขณะที่อาร์เซนอลแม้จะยังมีเกมในมือเหลืออยู่มากกว่า แต่ก็ยังต้องรอให้ลิเวอร์พูลพลาดท่าในหลายๆ เกมที่เหลือ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์
น่าสังเกตว่าทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยเป็นหนึ่งในตัวเต็งมาตลอดหลายฤดูกาล กลับถูกตัดออกจากการคำนวณครั้งนี้แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาของพวกเขาในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตาม ในโลกของฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ แม้จะเหลือโอกาสเพียงน้อยนิดสำหรับอาร์เซนอล แต่หากพวกเขาชนะทุกนัดที่เหลือ และลิเวอร์พูลเกิดสะดุดในหลายๆ เกม การพลิกล็อกก็อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ แฟนบอลทั่วโลกยังคงจับตาดูการแข่งขันที่เหลืออย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามว่า “หงส์แดง” จะรักษาสถานะจ่าฝูงไปจนจบฤดูกาลได้หรือไม่ หรือจะเกิดการพลิกล็อกครั้งใหญ่ขึ้นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง